การซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราในตลาด Forex  มีการซื้อขายแลกเปลี่ยน สกุลเงินเป็นคู่เสมอ เรียกว่า คู่สกุลเงิน ซึ่งในตลาด Forex มีคู่สกุลเงินอยู่กว่า 200 คู่สกุลเงินทั่วโลก และจัดแบ่งเป็นประเภทต่าง ๆ ได้

คู่สกุลเงิน คืออะไร?

การซื้อขายสกุลเงินต่าง ๆ ในตลาด Forex จำเป็นต้องมีการจับคู่สกุลเงิน เพื่อใช้ในการแลกเปลี่ยนกันของ 2 สกุลเงินที่ต้องการซื้อขาย จึงถูกเรียกว่า " คู่สกุลเงิน " ( Currency Pairs )

สกุลเงินในตลาด Forex จะถูกย่อเป็นอักษร 3 ตัว แสดงถึงชื่อประเทศ และหน่วยของเงินในประเทศนั้น ยกตัวอย่าง : ประเทศญี่ปุ่น ( Japan ) ที่ใช้ เงินเยน ( Yen ) ได้ใช้ตัวอักษร 3 ตัว คือ JPY มาจาก Japanese yen หรือเงินเยนของประเทศญี่ปุ่น นั่นเอง

คู่สกุลเงินที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนในตลาด Forex จะอยู่ในลักษณะ คู่สกุลเงิน 2 ตัวที่ถูกคั่นด้วยเครื่องหมาย slash ( / ) โดยคู่สกุลเงินตัวแรก (หน้าเครื่องหมาย slash) จะเป็นสกุลเงินที่เราต้องการซื้อ ส่วนสกุลเงินตัวที่สอง (หลังเครื่องหมาย slash) เป็นสกุลเงินที่เราจ่าย เพื่อแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินตัวแรก

ยกตัวอย่าง : คู่สกุลเงิน USD/JPY มีความหมายว่า เทรดเดอร์ ต้องการซื้อ สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ( USD ) โดยจ่ายเป็นเงินเยนของประเทศญี่ปุ่น ( JPY ) เป็นต้น

ประเภทของคู่สกุลเงิน

ในโลกของเรามีสกุลเงินที่แตกต่างกันทั้งหมด 154 สกุลเงิน จาก 221 ประเทศทั่วโลก (กระทรวงการคลังแห่งสหประชาชาติ) การจับคู่สกุลเงิน จึงสามารถทำได้มากมาย แต่สกุลเงินของแต่ละประเทศ ต่างก็มีความต้องการในการซื้อขายแลกเปลี่ยนมากน้อยกันไป ในตลาด Forex จึงสามารถแบ่งคู่สกุลเงิน ได้เป็น 3 ประเภทหลัก ดังนี้

1. คู่สกุลเงินหลัก ( Major Currency Pairs )

เป็นคู่สกุลเงินที่ได้รับความนิยมในตลาด Forex มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนกันมาก โดยยึดเอา สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ( USD ) อยู่ฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ของการซื้อขายแลกเปลี่ยน ซึ่งสาเหตุที่ สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เป็นตัวหลักนั้น เนื่องจาก เป็นสกุลเงินที่มีการซื้อขายสูงที่สุดในโลก จึงมีสภาพความคล่องตัวสูง มีเสถียรภาพทางการเงินสูง และความผันผวนต่ำ ซึ่งคู่สกุลเงินหลักที่คนนิยมเทรด 4 อันดับแรก มีดังนี้

• อันดับ 1 คือ EUR / USD : ยูโร / ดอลลาร์สหรัฐ
• อันดับ 2 คือ USD / JPY : ดอลลาร์สหรัฐ / เยนญี่ปุ่น
• อันดับ 3 คือ GBP / USD : ปอนด์สเตอร์ลิงอังกฤษ / ดอลลาร์สหรัฐ
• อันดับ 4 คือ USD / CHF : ดอลลาร์สหรัฐ / ฟรังก์สวิส

2. คู่สกุลเงินรอง ( Minor Currency Pairs )

เป็นคู่สกุลเงินที่ไม่มี สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ( USD ) เป็นตัวซื้อขายแลกเปลี่ยน แต่คนนิยมใช้ซื้อขายในตลาดแลกเปลี่ยนกันในระดับหนึ่ง ยกตัวอย่าง เช่น

• EUR / JPY : ยูโร / เยนญี่ปุ่น
• GBP / JPY : ปอนด์สเตอร์ลิงอังกฤษ / เยนญี่ปุ่น
• EUR / CHF : ยูโร / ฟรังก์สวิส
• EUR  / AUD : ยูโร / ดอลลาร์ออสเตรเลีย

เป็นต้น

3. คู่สกุลเงินแปลกใหม่ ( Exotic Currency Pairs )

เป็นคู่สกุลเงินที่เกี่ยวข้อกับสกุลเงินเกิดใหม่ ไม่ค่อยมีสภาพคล่องสูงมากนัก  ไม่ค่อยได้รับความนิยมในการซื้อขาย แต่สินค้าในประเทศเหล่านี้มีความสำคัญต่อโลกอย่างกว้าง ยกตัวอย่างสกุลเงิน เช่น 

• ZAR ( สกุลแรนด์ของแอฟริกาใต้ ) 
• TRY ( สกุลเงินลีราของตุรกี )
• DKK ( โครเนอของเดนมาร์ก )  
• HKD ( ดอลลาร์ของฮ่องกง )

เป็นต้น

คู่สกุลเงินในแต่ละประเภท ที่มีความต้องการในการซื้อขายแลกเปลี่ยนแตกต่างกันไป ทำให้มีผลต่อสภาพคล่องทางการเงิน ความเสถียรภาพทางการเงิน และความผันผวน ซึ่งเทรดเดอร์ หากต้องการสภาพคล่องมากที่สุด และมีความเสี่ยงน้อย ควรเลือกเทรดในคู่สกุลเงินหลัก เนื่องจากมีการซื้อขายมาก ทำให้มีเสถียรภาพ จึงได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในเหล่าเทรดเดอร์

อ่านบทความเพิ่มเติม

การ เทรดทองคำ บนตลาด ฟอเร็กซ์ ( Forex )

มาเรียนรู้ ศัพท์เทคนิค ก่อนการเริ่มเทรด Forex กันดีกว่า