หลังจากตามตลาดมานานก็ต้องมี ความเสี่ยงที่จะขาดทุนในตลาด Forex เมื่อรูปแบบกราฟวิ่งไม่เป็นทรงไร้ทิศทาง ถ้าเราไม่มีความรู้แทบจะเรียกว่าใช้ดวงเล่นเลยทีเดียว การที่จะหลีกเลี่ยงการล้างพอร์ต ขาดทุนยับเยิน ก็จำเป็นต้องรู้อะไรบ้างมาดูกัน

1. เลิกคาดเดาตลาด

เป็นข้อห้ามที่ทุกคน ควรจะรู้นั่นก็คือ ห้ามคิดไปเองว่ากราฟ จะขึ้น หรือลง ไปในทิศทางใด ก่อนเข้าออเดอร์เรา ต้องมีเป้าในใจ ทั้งการ take profit และ stoploss ที่ชัดเจน ต้องรู้จักยอมแพ้ หากเกิดผิดทาง และรู้จักอดทนกำไร หากยังไม่ถึงเป้าจริง ในระยะยาวเราต้องยึดหลัก ความเป็นไปได้ มืออาชีพสาย day trade จะนิยมเล่นกันที่เส้นแนวรับ แนวต้น เส้นเทรนไลน์ และสำคัญที่สุด คือห้ามสวนเทรนใหญ่

2. หลีกเลี่ยง EA ที่ไม่มีผลงานที่ชัดเจน

การใช้ EA ( Experts Advisor ) ได้รับความนิยม มายาวนานแล้ว และส่วนใหญ่จะเป็น Martingle ในระยะสั้นหากโชคดี ก็ทำกำไรได้จนได้ทุนคืน แล้วให้รันแต่กำไร ให้ถอนทุนออกมาก่อน แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้โชคดีเช่นนั้น กราฟ Forex กระชากแรง พอร์ตไม่ใหญ่พอบัลลอตไป ยิ่งทำให้ทนกราฟกระชากไม่ได้ ทั้งที่ทนอีกนิดกราฟกลับตัว กลับมากินกำไรได้มาก ณ ช่วงเวลานั้นเทรดเดอร์ มีตัวเลือก คือเติมเงินเข้าพอร์ตเพิ่ม หรือใช้ดวงว่าจะรอดไม่รอด เป็นสิ่งที่ยากในการตัดสินใจ

3. อย่ารอ signal จากผู้อื่น

เชื่อว่ามือใหม่ทุกคนต้องเคยเจอ เหตุการณ์นี้มาก่อนคือเข้ากรุ๊ป line รอ signal จากอาจารย์เทรด หรือในสมัยก่อนจะใช้ skype ซึ่งการที่เรารอสัญญาณ buy sell จากผู้อื่นโดยที่ตลาดวิ่ง ผันผวนรวดเร็ว ไม่มีทางทันที่จะเข้า ราคาสวยเหมือนคนบอก ซ้ำร้ายบางทีคนบอก ไม่ได้เล่นเองจริงด้วยซ้ำ แต่ให้ signal เพื่อผลทางอื่น สุดท้ายผู้เสียหายคือ ตัวเทรดเดอร์เอง จะไปโทษใครไม่ได้

ในปัจจุบันรูปแบบ เริ่มย้ายมาเป็นการ copy trade ซึ่งจะหมดปัญหา จากที่กล่าวไป ต้นทางต้องเทรดจริง ด้วยเงินจริงแล้วระบบ จะออกออเดอร์ให้ผู้ follow ตามแบบ realtime หมดปัญหาหลอกลวง เห็นผลงานกันจริง ๆ แบบสด ๆ ถือว่าเป็นเทคโนโลยี ที่ยอดเยี่ยมมาก

4. ต้องวัด win / lose Ratio

หากคุณเทรดแบบ หลับหูหลับตาเทรด คุณอาจโชคดีในระยะสั้น แต่ในระยะยาว จะเป็นอะไรที่ยากมาก การ tracking ผลการเทรดต่อไม้ ออเดอร์นานนับเดือน นับปี เป็นสิ่งจำเป็น ง่ายสุดให้เชื่อมพอร์ตกับ myfxbook ระบบจะวัดทุกอย่างออกมาให้เลย อัตราแพ้ชนะชัดเจน ถ้าต่ำกว่า 70:30 แนะนำว่าให้ปรับรปุงแผนการเทรด แต่ถ้าได้มาตราฐานขั้นต่ำ ขอแสดงความยินดีด้วย ว่าคุณมากถูกทางแล้ว

แล้วการเทรดมีกี่แบบล่ะ ?

1. เทรดแบบสั้น ( Scalping )

เทรดแบบสั้น ( Scalping ) คือการเทรดแบบ เน้นกินไว เก็บไว เสียก็คัทไว เนน้ปั้นพอร์ทเล็กให้ใหญ่ ซึ่งเหมาะกับคนที่มีนิสัยใจร้อน กล้าได้กล้าเสีย ทำให้การทำกำไร เติบโตไวมาก บางวัน +100 % +200 % ก็มีมาโชว์กันบ่อย ๆ แต่แน่นอนจะมองแต่กำไร ก็ย่อมมีขาดทุน เทรดล้างพอร์ตกัน แบบรายวันเลยคือสิ่งที่ เทรดเดอร์กลุ่มนี้ต้องเจอ กลุ่มนี้จะเน้นการดูกราฟเป็นราย 1m 5m 15m เป็นหลัก และยังต้องเป็นกราฟที่วิ่งดี วิ่งแรงอีกด้วย การรอทำกำไรข้ามวัน ข้ามคืนไม่เหมาะกับวิธีนี้ บางคนเทรดวันละ 5 - 15 นาที / วันเท่านั้น เค้าแค่รอจังหวะสวย ๆ ที่เค้าเห็นว่าเหมาะสมลง lot หนัก แม่น ๆ ก็ทำกำไรได้มากแล้ว

2. เทรดแบบรายวัน ( Day Trading )

เทรดแบบรายวัน ( Day Trading ) ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า เทรดแบบรายวัน ( Day Trading ) เทรดเดอร์กลุ่มนี้จะไม่ถือออเดอร์ ข้ามวันอย่างเด็ดขาด ต้องการเล่นให้จบในวันนั้น ๆ จบเป็นวัน ๆ รอบ ๆ ไป ไม่ต้องการกังวลเวลานอน ว่าจะกำไร หรือขาดทุน ให้มารบกวนจิตใจ จะเอาสมาธิเล่นวันต่อวันเท่านั้น กลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็น รายย่อยที่อยู่ในตลาด เล่นกันเป็นอาชีพ จากประสบการณ์ที่พบคือจะมีการแบกพอร์ต สำหรับเล่น เทรดแบบรายวัน ( Day Trading ) กับอีกพอร์ตสำหรับ เล่นรูปแบบอื่น เช่น ถือยาว เป็นต้น

3. สวิงเทรด ( Swing Trading )

การเทรดแบบ สวิงเทรด ( Swing Trading ) เป็นเทคนิคเทรดที่นิยม เหมาะเล่นสั้นโดยเฉพาะ ตลาดที่วิ่งเป็น sideway จะเก็บกำไรได้มาก และต่อเนื่อง ส่วนมากจะนิยมใช้เส้น แนวรับ แนวต้าน ตั้ง โซนที่จะเล่น รวมกับ indicator bolingerband หรือ จุดไข่ปลา ทำให้เห็นกรอบที่แม่นยำ สามารถดักกินตามแนวรับ แนวต้านได้ดี และจะเซฟยิ่งขึ้น คือให้เปิดออเดอร์ตามเทรนด์ใหญ่เท่านั้น เช่น เทรนด์ใหญ่คือขาขึ้นชัดเจน ให้งดออกไม้ sell ให้ใช้ buy อย่างเดียวจะปลอดภัยและ win rate จะสูงอย่างมาก

อ่านบทความเพิ่มเติม

ลงทุนตาม ข่าว Forex ดีจริงไหม

เปิดประวัติ Forex