การซื้อขายฟอเร็กซ์ หรือ ที่เรียกว่า การซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตรา ต่างประเทศ คือ การซื้อ และ ขายสกุลเงิน ในตลาดโลก มันมี ศักยภาพ สำหรับ บุคคล ในการทำ กำไร จากความ ผันผวน ของ อัตราแลก เปลี่ยนสกุลเงิน อย่างไรก็ตาม การเทรดฟอเร็กซ์ ที่ประสบความสำเร็จ นั้นต้องการ กลยุทธ์การซื้อขาย

ที่ผ่านการคิดมาอย่างดี ซึ่งสอดคล้อง กับ เป้าหมายการเทรด ของ แต่ละคน การยอมรับความเสี่ยง และ สภาวะตลาด ในบทความนี้ เราจะสำรวจ กลยุทธ์การซื้อขายฟอเร็กซ์ ต่างๆ ที่เทรดเดอร์ ใช้เพื่อสำรวจ ตลาดฟอเร็กซ์ และ อาจสร้างผลกำไร

1. กลยุทธ์ การซื้อขายตามเทรนด์

กลยุทธ์การซื้อขาย ตามแนวโน้มนั้น อยู่บนหลักการ ที่ว่า ตลาดฟอเร็กซ์ มีแนวโน้ม ที่จะเคลื่อนตัว ไปตามเทรนด์ ไม่ว่าจะเป็นขาขึ้น หรือ ขาลง ผู้ค้าที่ใช้กลยุทธ์นี้ มีจุดมุ่งหมาย เพื่อระบุ และ ติดตาม แนวโน้ม เหล่านี้ ซื้อเมื่อตลาดอยู่ในแนวโน้ม ขาขึ้น และ ขายเมื่ออยู่ในแนวโน้มขาลง ตัวบ่งชี้ ทางเทคนิค เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ เส้นแนวโน้ม และ Average Directional Index ( ADX ) สามารถ ช่วยระบุ และ ยืนยันแนวโน้ม ได้

2. กลยุทธ์การซื้อขายตามช่วง

กลยุทธ์การซื้อขายตามช่วง จะใช้เมื่อ ตลาดฟอเร็กซ์ กำลังรวม และ เคลื่อนไหว ภายในช่องราคา ที่มีขอบเขต ผู้ค้า ที่ใช้กลยุทธ์นี้ มีจุดมุ่งหมาย เพื่อระบุแนวรับ และ แนวต้าน ที่สำคัญ และดำเนิน การซื้อขาย เมื่อราคาเข้าใกล้ ระดับเหล่านี้ เป้าหมาย คือ ซื้อใกล้ระดับแนวรับ และ ขายใกล้แนวต้าน ออสซิลเลเตอร์ เช่น Relative Strength Index (RSI) และ Stochastic Oscillator สามารถ ช่วยระบุภาวะ Overbought และ Oversold ภายในช่วง ดังกล่าวได้

3. กลยุทธ์การซื้อขายฝ่าวงล้อม

กลยุทธ์การซื้อขายฝ่าวงล้อม เกี่ยวข้อง กับ การระบุ และ ซื้อขาย ราคาฝ่าวงล้อม จากแนวรับ และ แนวต้าน ที่กำหนดไว้ ผู้ค้า ที่ใช้กลยุทธ์นี้ มีเป้าหมาย เพื่อใช้ประโยชน์ จากการเคลื่อนไหว ของ ราคาที่สำคัญ ซึ่งเกิดขึ้น เมื่อราคา ทะลุออกจากช่อง ขอบเขต พวกเขา เข้าสู่การซื้อขาย เมื่อการฝ่าวงล้อม ได้รับการยืนยัน ไม่ว่า จะผ่านราคา ที่แข็งแกร่ง ปิดเหนือแนวต้าน หรือ ต่ำกว่าแนวรับ ตัวบ่งชี้ ความผันผวน เช่น Bollinger Bands และ Average True Range (ATR) สามารถ ช่วยระบุโอกาส ในการฝ่าวงล้อมที่อาจเกิดขึ้นได้

4. ดำเนินกลยุทธ์การซื้อขาย

กลยุทธ์การซื้อขาย แบบถือเกี่ยวข้อง กับ การใช้ประโยชน์ จากส่วนต่าง ของ อัตราดอกเบี้ย ระหว่างสกุลเงินต่างๆ ผู้ค้า ที่ใช้กลยุทธ์นี้ มีเป้าหมาย ที่จะได้รับผลกำไร โดยการกู้ยืมในสกุลเงิน ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ และ การลงทุน ในสกุลเงิน ที่มี อัตราดอกเบี้ยสูงกว่า กลยุทธ์นี้ ขึ้นอยู่กับแนวคิดที่ว่า นักเทรด จะได้รับดอกเบี้ย จากสกุลเงินที่พวกเขาถืออยู่ ในขณะ ที่จ่ายอัตราดอกเบี้ย ที่ต่ำกว่า สำหรับ สกุลเงินที่พวกเขายืม อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญ คือ ต้องทราบว่า การซื้อขายหลักทรัพย์ มีความเสี่ยงในตัวเอง รวมถึง ความผันผวน ของ อัตราแลกเปลี่ยน และ การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย

5. กลยุทธ์ Scalping

Scalping เป็น กลยุทธ์ การซื้อขายระยะสั้น ที่เกี่ยวข้อง กับ การซื้อขายหลายครั้ง ตลอดทั้งวัน โดย มีเป้าหมาย เพื่อจับความเคลื่อนไหว ของ ราคาเพียงเล็กน้อย ผู้ค้าที่ใช้กลยุทธ์ นี้มุ่งเน้นไปที่การซื้อขาย ที่รวดเร็ว ด้วยผลกำไรเพียงเล็กน้อย อาศัย ปริมาณ การซื้อขายที่สูง และ สเปรดที่ แคบเพื่อสร้างผลตอบแทน Scalping ต้องมีระเบียบวินัย การตัดสินใจที่รวดเร็ว และ ความสามารถ ในการจัดการ ความเสี่ยง อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ค้า มักจะใช้แพลตฟอร์ม การดำเนินการ ที่รวดเร็ว และ พึ่งพาตัวบ่งชี้ทางเทคนิค เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ และ ออสซิลเลเตอร์ เพื่อระบุแนวโน้มระยะสั้น

6. กลยุทธ์การวิเคราะห์ ปัจจัยพื้นฐาน

การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน เกี่ยวข้อง กับ การประเมิน ตัวบ่งชี้ ทางเศรษฐกิจ เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ และ ข่าวการตลาด เพื่อประเมินมูลค่า ที่แท้จริง ของ สกุลเงิน นักเทรด ที่ใช้กลยุทธ์ นี้จะวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ เช่น อัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อ ข้อมูลการจ้างงาน และ นโยบายของธนาคารกลาง เพื่อทำการตัดสินใจซื้อขาย การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน สามารถ ให้มุมมองระยะยาวเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของสกุลเงิน และ ช่วยให้ผู้ค้าระบุโอกาสในการซื้อขายที่เป็นไปได้

การเทรดฟอเร็กซ์ มอบโอกาสให้บุคคลทั่วไป เข้าร่วมในตลาดสกุลเงินโลก และ อาจสร้างผลกำไร อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในการเทรดฟอเร็กซ์ ต้องใช้กลยุทธ์ การเทรดที่มีประสิทธิภาพซึ่งสอดคล้อง กับ เป้าหมาย และ สภาวะตลาดของแต่ละคน และ หากใคร ที่กำลังมองหา โบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือ ต้องที่นี่เลย forexfxthailand

อ่านบทความเพิ่มเติม : 

มารู้จักกับ Forex ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตรา

วิธีเลือก โบรกเกอร์ Forex ยังไงให้ที่น่าเชื่อถือ